หายไปหลายวันเลยกลับมาแล้วคะ รู้ทันกฏหมายนิเทศศาสตร์วันนี้ขอนำเสนอเรื่อง "การหมิ่นประมาทคนตาย"
"การหมิ่นประมาทคนตาย" ดิฉันว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เห็นอยู่ใกล้ตัว ในบางคนที่ไม่ค่อยจะทราบเกี่ยวกับกฏหมายมาตรา327 นี้ วันนี้เลยนำให้มาให้ทุกคนได้รับทราบกันว่า การที่เราใส่ความหรือพูดจาที่ทำให้บุคคลที่เสียชีวิตไปแล้ว เกิดความเสียหายเสื่อมเสียชื่อเสียงนั้น ในขณะที่เขาเสียชีวิตไปแล้ว ไม่ได้แปลว่าผู้ใส่ความนั้นจะไม่ได้รับความผิดนะคะ ถึงคนตายไม่ได้ฝืนขึ้นมาตอบโต้ได้หรือฟ้องกลับแต่ก็ใช่ว่าเขาไม่ได้มีญาติพี่น้องครอบครัวหรือสามีภรรยาของเขานะคะ เลยอยากให้ทุกคนทราบกันว่า คนไม่มีชีวิตไม่ใช่จะคิดว่าเราก็สามารถพูดหรือกระทำอะไรก็ได้ ค่ะ
การหมิ่นประมาทต้องเป็นการหมิ่นประมาท
“ผู้อื่น” ซึ่งต้องเป็นบุคคลที่มี
ชีวิตอยู่จะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ แต่กฎหมายยังได้บัญญัติกำหนดโทษผู้ที่ทำการหมิ่นประมาทคนตายไว้ด้วย
คือ ต้องหมิ่นประมาทคนที่ตายไปแล้ว
การหมิ่นประมาทคนตาย
ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา
327 บัญญัติ
ไว้ว่า
“ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สาม
และการใส่ความนั้นน่าจะเป็นเหตุให้
บิดามารดา
คู่สมรสหรือ
บุตรของผู้ตายเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นหรือถูกเกลียดชัง
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา
326 นั้น”
ตามหลักเกณฑ์ของกฎหมายที่จะเป็นผิดฐานหมิ่นประมาทคนตายนั้น
จะมีหลักเกณฑ์เหมือนกับหมิ่นประมาทธรรมดา
คือ
เป็นการใส่ความผู้ตาย
ต่อบุคคลที่สาม
แต่หลักเกณฑ์ที่จะทำให้การ
หมิ่นประมาทคนตายเป็นการผิดกฎหมาย
ก็คือ
การใส่ความนั้นน่าจะเป็นเหตุให้บิดา
มารดา คู่สมรส
หรือ บุตรของ
ผู้ตาย
เสียชื่อเสียง
ถูกดูหมิ่น
หรือถูกเกลียดชังไม่ใช่ว่าใส่ความผู้ตาย
แล้ว
น่าจะเป็นเหตุให้ผู้ตายเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่นถูกเกลียดชัง
ผู้ตาย คือคนตายที่ไม่มีชีวิต
ต้องดูว่าขณะใส่ความหรือกล่าวหมิ่นประมาท
นั้น
คนที่ถูกใส่ความตายหรือยัง
ที่เป็นเช่นนี้เพราะมีผลทางกฎหมาย
คือ ถ้าขณะ
ใส่ความตายไปแล้ว
แต่ผู้ตายไม่มีบิดา
มารดา คู่สมรส
หรือบุตร ก็จะเอาผิดแก่ผู้
ใส่ความไม่ได้
กฎหมายกำหนดตัวบุคคลที่เป็นผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่นประมาท
คนตายไว้ดังนี้
*
บิดา ต้องเป็นบิดาที่ชอบด้วยกฎหมาย
คือ ต้องจดทะเบียนสมรสกับมารดา
*
มารดา คือเป็นแม่
นั่นเอง แต่ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนสมรสกับพ่อ
*
คู่สมรส ต้องมีการจดทะเบียนสมรสถูกต้องตามกฎหมายถ้าเพียงแต่
อยู่กินกันฉันสามีภรรยาแต่ไม่ได้จดทะเบียนสมรส
ก็ไม่ถือเป็นผู้เสียหาย
*
บุตร ก็ต้องเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย
ถ้าผู้ตายเป็นบิดา
บิดาก็ต้อง
จดทะเบียนสมรสกับมารดา
แต่ถ้าผู้ตายเป็นมารดา
มารดากับบุตรมีความ
สัมพันธ์กันตามกฎหมายอย่างถูกต้องเสมอแม้ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับพ่อ
กฎหมายกำหนดตัวบุคคลที่จะเป็นผู้เสียหายไว้เพียงเท่านี้
บุคคลนอกเหนือ
จากนี้ไม่ถือเป็นผู้เสียหาย
มิฉะนั้นการใส่ความผู้ที่ตายไปแล้วร้อยปีพันปีนั้น
เป็นผิดหมด
เช่น หมิ่นประมาทพระเจ้าเอกทัศน์หากใครพิสูจน์ได้ว่าเป็นลูกหลาน
พระเจ้าเอกทัศน์ก็เอาผิดผู้หมิ่นประมาทได้
ซึ่งเป็นการไม่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตามถ้าผู้เสียหายในความผิดฐานหมิ่นประมาทตายเสียก่อนร้อง
ทุกข์ให้บิดา
มารดา คู่สมรส
หรือบุตรผู้เสียหายร้องทุกข์ได้
และให้ถือว่าเป็น
ผู้เสียหาย
หมายความว่าถ้าได้มีการหมิ่นประมาทคนที่ยังมีชีวิตอยู่แต่คนที่ถูก
หมิ่นประมาทได้ตายในเวลาต่อมาบุคคลดังกล่าวข้างต้นจะดำเนินต่อไปกับ
ผู้หมิ่นประมาทได้
ตัวอย่างเช่น
นายเจ(นามสมมุติ) เคยเป็นเพื่อนเก่าของนายเชน(นามสมมุติ)ผู้เสียชีวิต นายเจได้บอกกับนางสาวชิด(น้องสาวผู้เสียชีวิต) ว่านายเชนได้ขโมยเงินของตนไปจำนวนหนึ่งเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว จึงมาทวงเงินกับญาติผู้ตาย
ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทต้องระวางโทษตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา
326 นั้น”
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
เห็นแล้วใช่ไหมคะว่า คนตายแล้วเราไม่สามารถเอาความผิดไปโยนให้เขารับได้ เพราะถือคนตายเป็นบุคคลที่ไม่สามารถทำอะไรได้ กฏหมายจึงมีไว้ให้ทุกคนได้รับทราบและปฏิบัติในทางที่ถูกต้อง ไม่ให้เกิดการกระทำผิดกันนะคะ ถ้าในบางคนไม่ทราบว่ายังมีกฏหมายนี้อยู่ละก็แนะนำให้ทุกคน ค่อยๆคิดค่อยๆพูดใจเย็นๆทุกอย่างก็จะดีเองนะคะ ห่วงใยจากผู้จัดพิมพ์ค่ะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น