วันอังคารที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เรามาทราบความผิดทางกฏหมายของอาชีพ"ปาปารัสซี่"กันค่ะ

   เราคงทราบและรู้จัก ปาปารัสซี่กันอยู่แล้วใช่ไหมคะ แต่วันนี้เราจะทำความรู้จักให้ลงลึกของกฎหมายของปาปารัสซี่นี้ว่า
มีกฏหมายใด คอยจงดูและจ่องดำเนินคดีกับเจ้าปาปารัสซี่นี้ อยู่ในกฎหมายมาตรา 46 เสรีภาพสื่อค่
มาตรา 46 : เสรีภาพของสื่อ

ถึงแม้ว่าปาปารัสซี่ จะเป็นสื่อมวลชนที่มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นใด และ บุคคลผู้ที่ถูกแอบเก็บภาพ อาธิเช่น ดารา จะเป็นบุคคลสาธารณะก็ตาม ปาปารัสซี่ต้องเคารพความเป้นส่วนตัวของบุคนนั้นด้วย
กรณีนำไปเผยแพร่บนสื่อ สิ่งพิมพ์ต่างๆหรือบนสถานที่ต่างๆ ซึ่งมิใช้เป็นการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ในลักษณะนี้แป็นการเผยเพร่บนสื่อ สิ่งพิมพ์ต่างๆ เช่นนิตยาสาร (Magazineหนังสือพิมพ์ เป็นต้น หรือบนสถานที่ต่างๆ ซึ่งมิใช้เป็นการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ แล้วการเผยแพร่นั้นทำให้บุคคลผู้ที่ถูกเหล่าปาปารัสซี แอบเก็บภาพ (เหยื่อ หรือ เป้าหมาย) ได้รับ’’’ความเสียหาย’’’



ความผิดทางประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์



’’’ความเสียหาย’’’ ในที่นี้ทำให้เสียหายต่อ’’’ชื่อเสียง’’’ ในทางกฎหมายนั้นเราจะเรียก ปาปารัสซี ว่า ’’’ผู้ที่กระทำละเมิด’’’ ต่อ บุคคลผู้ที่ถูก แอบเก็บภาพ เราจะเรียกบุคคลนี้ว่า ’’’ผู้ที่ถูกกระทำละเมิด’’’ ฉะนั้นแล้ว ปาปารัสซี กระทำละเมิดตาม ‘’’มาตรา 420 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์’’’

ซึ่ง’’’มาตรา 420’’’ บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดจงใจหรือประมาทเลินเล่อ ทำต่อบุคคลอื่นโดยผิดกฎหมายให้เขาเสียหายถึงแก่ชีวิตก็ดี แก่ร่างกายก็ดี อนามัยก็ดี เสรีภาพก็ดี ทรัพย์สินหรือสิทธิอย่างใดก็ดี ท่านว่าผู้นั้นทำละเมิดจำต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนเพื่อการนั้น”
และในบางทีเหล่าปาปารัสซี ก็นำภาพที่ถ่ายได้ไปทำข่าว ซึ่งบางครั้งข่าวเหล่านั้นก็อาจมีข้อมูลที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริงและข่าวเหล่านั้นก็อาจทำให้ผู้ที่ตกเป็นข่าวนั้นได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงหรือการงานได้ เมื่อเป็นการกระทำเช่นนี้ผู้ที่ทำการให้ข่าวต่างๆหรือสื่อ ในทางที่เสียหายก็มีความผิดฐานละเมิดต่อผู้ที่ตกเป็นข่าวนั้นได้ ตามมาตรา 420 ประกอบกับมาตรา 423
ซึ่ง ‘’’มาตรา 423’’’ บัญญัติว่า “ผู้ใดกล่าวหรือไขข่าวแพร่หลายซึ่งข้อความอันฝ่าฝืนต่อความจริงเป็นที่เสียหายแก่ชื่อเสียงหรือเกียรติคุณของบุคคลอื่นก็ดี หรือเป็นที่เสียหายทางทำมาหาได้หรือทางเจริญของเขาโดยประการอื่นก็ดี ท่านว่าผู้นั้นจะต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่ความเสียหายอย่างใด ๆ อันเกิดแก่การนั้นแม้ทั้งเมื่อ ตนมิได้รู้ว่าข้อความนั้นไม่จริง แต่หากควรจะรู้ได้ ผู้ใดส่งข่าวสารอันตนมิได้รู้ว่าเป็นความไม่จริง หากตนเองหรือผู้รับข่าวสารนั้นมีทางได้เสียโดยชอบในการนั้นด้วยแล้ว ท่านว่าเพียงที่ส่งข่าวสารเช่นนั้น หาทำให้ผู้นั้นต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่”
สำหรับค่าสินไหมเพื่อการละเมิดนั้นผู้ที่ถูกละเมิดต้องร้องขอต่อศาลเองเพื่อที่ศาลจะได้ทำการวินิจฉัยไปตามรูปการแห่งคดีแล้วแต่กรณีว่าจะให้ได้รับการทดแทนหรือเยียวยาอย่างไรบ้าง ซึ่งมีบัญญัติไว้ใน’’’มาตรา 447’’’ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ซึ่งเป็นเรื่องที่เกียวกับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเพื่องความเสียหายที่มีต่อชื่อเสียง

ซึ่ง ‘’’มาตรา 447’’’ บัญญัติว่า “บุคคลใดทำให้เขาต้องเสียหายแก่ชื่อเสียง เมื่อผู้ ต้องเสียหายร้องขอ ศาลจะสั่งให้บุคคลนั้นจัดการตามควรเพื่อทำให้ ชื่อเสียงของผู้นั้นกลับคืนดีแทนให้ใช้ค่าเสียหายหรือทั้งให้ใช้ค่า เสียหายด้วยก็ได้” 


เห็นแล้วใช่ไหมว่า อาชีพ  ปาปารัสซี่ หรือที่เรียกว่างาน แอบถ่ายภาพ

วันศุกร์ที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

มารู้จักมาตรา 438 ค่าสินไหมทดแทน เพื่อการละเมิด


              หลายๆคนอาจจะยังสับสนและอาจจะคิดอย่างหนักว่าเมื่อเกิดการละเมิด และจะต้องจ่ายสินไหมทดแทนอย่าไรนั้น วันนี้ดิฉันสรุปมาให้ทุกคนได้ทราบกันค่ะ
              ในมาตรา 438 ค่าสินไหมทดแทนจะพึงใช้โดยสถานใด เพียงใดนั้น ศาลวินิจัย ตามควรแก่
พฤติการณ์ และความร้ายแรงละเมิด อนึ่ง ค่าสินใหม่ทดแทนนั้น ก็จะมีในรูปแบบดังนั้
     " การคืน ทรัพย์ สินอันผู้เสียหายต้องเสียไป เพราะละเมิด" หรือใช้ราคาทรัพย์นั้น รวมทั้ง ค่าเสียหายอันจะพึงบังคับให้ใช้  เพื่อความเสียหายใดๆ อันก็ขึ้นนั้น
            เช่น นาย ก เป็นผู้ละเมิดได้ ขับรถโดยประมาทชนเด็กหญิง ข ตายและทรัพย์สินของ เด็กหญิง ข เสียหาย ต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้นางสาว ข ตามความเหมาะสมและความเสียหายของเด็กหญิง ข ให้กับญาติผู้เสียชีวิต

          แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครที่จะคิดอยากจะยุ่งยากและเสียเงินทองเพื่อจ่ายสินไหมทดแทนความเสียหายให้คนอื่นจริงไหมคะ ทางที่ดี ใช้ชีวิตอยู่ในความไม่ประมาทเลินเล่อ ชีวิตเราทุกคนก็จะอยู่อย่างปลอดภัยทั้งสองฝ่าย และมีความสุขอยู่ร่วมกันในสังคมที่ดีนะคะ

วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

วันนี้ขอนำเสนอกฏหมายที่ใกล้ตัวกันหน่อยในมาตรา11

   เรื่องนี้เคยประสบกับตัวดิฉันมาแล้วค่ะ แล้วก็อยากทราบเหมือนกันว่าทุกเคย ปฏิบัติตามดิฉันรึเปล่า
ขอเล่าจากประสบการณ์จริงๆนะคะ เกิดจากการส่ง ข้อความที่ส่งต่อกันมาอีกทีนึ่งและเป็นการบอกต่อกัน
ซึ่งทำให้เราเชื่อจนต้องทำตามนั้นก็ เคยมี ข้อความส่งมาจากอีเมล์เว็บที่เราใช้บริการ ส่งมาให้ก๊อบปี้
อีเมล์นั้นแล้วส่งต่อไปยังอีเมล์ของเพื่อนๆ ถ้าไม่ต้องต่อนั้นจำนวน20คน ทางระบบจะทำการระงับอีเมล์ของเรา
หลังจากคุณได้อ่านข้อความ/จดหมายฉบับนี้
      เราทำตามที่อีเมล์บอกต่อส่งมาเรื่อยๆ เพราะเชื่อแต่วันนี้ดิฉันได้เรียกเกี่ยวกับกฏหมายขอนี้ อยู่ในมาตรา11
จึงได้ทราบว่า มันไม่ใช่ความเป็นจริง และยังตกเป็นผู้ที่ได้รับความก่อกวนจากผู้ที่ก่อความวุ่นวายในระบบจดหมาย
อิเล็กทรอนิกส์ อีกด้วย
      มาตรา 11 จึงกล่าวไว้ว่า ผู้ใด ส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์จดหมายอิเล็กทรอนิกส์แก่บุคคลอื่น โดยปกปิดหรือ
ปลอมแปลงแหล่งที่มาของข้อมลดังกล่าว อันเป็นกระบวนการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ ของบุคคลอื่นโดยปกติสุข

 เช่น  นี้ก็เป็นกรณีตัวอย่างที่ดิฉันเคยพบมากับตัวเองนะคะ และมาดูกันกรณีศึกษานี้ "จะต้องระวางโทษไม่เกิน
หนึ่งแสนบาท"


วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

รับปลายเดือนของเทศกาลปีใหม่57อย่าลืมใส่ใจกฏหมายกันนะคะ



    ใครหลายคนที่ทราบอยู่แล้วว่า การที่เราทำตนที่เป็นการดูหมิ่นพระมหากษัตย์ หรือเบื้องสูงทุกคนคงไม่กล้ากระทำอยู่แล้วเพราะอะไรนั้นหรอคะ วันนี้ดิฉันจึงขอนำเสนอ กฏหมายมาตรานี้ให้รู้จักกันค่ะ มาตรานี้คือ มาตรา 112 

        “มาตรา 112 – ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จ ราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”


       หากท่านต้องการที่จะศึกษาเกี่ยวกับเรื่องกฎหมายมาตรานี้เพิ่มเติม ผมขอแนะนำบทความด้านล่างนี้ลงไปค่ะ ซึ่งเขียนเกี่ยวกับแง่มุมในเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจทีเดียว
        เมื่อพิจารณาบทบัญญัติมาตรา 112 แห่งประมวลกฎหมายอาญาดังกล่าวจะเห็นได้ว่า    โดยเนื้อหาแล้วก็เหมือน กับความผิดฐานหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา กล่าวคือ การจะหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์หรือหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาก็ใช้นิยามเดียวกัน คือ “การใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามอันน่าจะทำให้ผู้อื่นเสียหาย” จะมีส่วนที่แตกต่างกันเพียงสามประการ  คือ
1.  หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์มีโทษหนักกว่าหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดา
2.  หมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ ไม่อาจนำเหตุให้กระทำการได้ตามมาตรา 329  และมาตรา 330มาอ้างได้  และ
3.  ความผิดฐานหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์เป็นความผิดเกี่ยวด้วยความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
บุคคลที่มาตรา 112  ประสงค์จะคุ้มครอง คือ พระมหากษัตริย์  พระราชินี  รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์  ในขณะที่ความผิดฐานหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาตามมาตรา 326 นั้น  เป็นความผิดเกี่ยวด้วยเสรีภาพและชื่อเสียง ซึ่งมุ่งคุ้มครองบุคคลธรรมดา
กล่าวโดยสรุปปัจจุบันนี้ไม่มีข้อหาทางอาญา ฐาน หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มีแต่ข้อหา หมิ่นประมาท  ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระมหากษัตริย์  พระราชินี  รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งเป็นความผิดที่อยู่ในบทบัญญัติของลักษณะ 1  ความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร หมวด 1  ความผิดต่อองค์พระมหากษัตริย์  พระราชินี  รัชทายาท และผู้สำเร็จราชการแทนพระองค แต่การที่จะเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 นั้น จะต้องเป็นการกระทำต่อพระมหากษัตริย์  พระราชินี รัชทายาท  หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เท่านั้น ไม่รวมถึงเชื้อพระวงศ์คนอื่นๆ  ทั้งนี้ เนื่องจากตามมาตรา 112  มุ่งคุ้มครองบุคคลผู้เป็นประมุขแห่งรัฐ และผู้เป็นอุปกรณ์ในสถาบันดังกล่าว ได้แก่
1.     พระมหากษัตริย์ (The King) หมายถึง องค์ที่ทรงครองราชย์อยู่ขณะที่มีการกระทำความผิด มิใช่พระมหากษัตริย์ที่ทรงสละราชบัลลังก์แล้วหรือพระมหากษัตริย์ในอดีต  มิฉะนั้นก็จะหาขอบเขตอันเป็นองค์ประกอบความผิดมิได้
2.     พระราชินี (The Queen) หมายถึง สมเด็จพระมเหสีที่เป็นใหญ่กว่าพระราชชายาทั้งหลาย ซึ่งมีเพียงพระองค์เดียวได้ผ่านการอภิเษกสมรส โดยเป็นพระมเหสีในพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์อยู่ขณะมีการกระทำความผิดไม่ใช่พระราชินีในรัชกาลก่อน แม้ยังทรงพระชนม์อยู่ก็ตาม
3.  รัชทายาท (The Crown Prince) บางครั้งเรียกว่า “มกุฎราชกุมาร” หมายถึง พระราชโอรสองค์ใหญ่ของพระมหากษัตริย์ซึ่งทรงครองราชย์อยู่ และจะได้รับราชสมบัติสืบสันตติวงศ์ต่อไป ตามนัยที่ตราไว้ใน
กฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ.2467 
4.  ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ (The Regent) หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่ประมุขแทนพระมหากษัตริย์ เป็นการชั่วคราว ตามนัยแห่งรัฐธรรมนูญ         
 ยกตัวอย่าง
         มีกลุ่มบางกลุ่ม ใช้คำจาบจ้วงถึงพระมหากษัตริย์ โดยผ่านคลิปวีดีโอ หนึ่งซึ่งเผยแพร่ออกทางอินเตอร์เน็ต กลุ่มคนนั้นโดยเฉพาะที่กระทำการผิดนั้น"ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี”
        นี้ก็เป็นกฏหมายภายใต้มาตรา 112  ฉันเชื่อว่า ทุกคนรู้หน้าที่ของตนอยู่แล้ว และควรทำหน้าที่พลเมืองดี คนไทยที่มีจิตสำนึก ทำในสิ่งที่ดีๆ เพื่อถวายเป็นพระราชกุศล แด่พระบาทเจ้าอยู่หัว ของเรานะคะ ในฐานะที่เกิดในผืนแผ่นดินไทยค่ะ